ความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทำให้มีการพัฒนาคิดค้นสิ่งอำนวยความสะดวกสบายต่อการดำชีวิตเป็นอันมาก เทคโนโลยีได้เข้ามาเสริมปัจจัยพื้นฐานการดำรงชีวิตได้เป็นอย่างดี เทคโนโลยีทำให้การสร้างที่พักอาศัยมีคุณภาพมาตรฐาน สามารถผลิตสินค้าและให้บริการต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์มากขึ้น เทคโนโลยีทำให้ระบบการผลิตสามารถผลิตสินค้าได้เป็นจำนวนมากมีราคาถูกลง สินค้าได้คุณภาพ เทคโนโลยีทำให้มีการติดต่อสื่อสารกันได้สะดวก การเดินทางเชื่อมโยงถึงกันทำให้ประชากรในโลกติดต่อรับฟังข่าวสารกันได้ตลอดเวลา
พัฒนาการของเทคโนโลยีทำให้ชีวิตความเป็นอยู่เปลี่ยนไปมาก ลองย้อนไปในอดีตโลกมีกำเนินมาประมาณ 4600 ล้านปี เชื่อกันว่าพัฒนาการตามธรรมชาติทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตถือกำเนินบนโลกประมาณ 500 ล้านปีที่แล้ว ยุคไดโนเสาร์มีอายุอยู่ในช่วง 200 ล้านปี สิ่งมีชีวิตที่เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ ค่อย ๆ พัฒนามา คาดคะเนว่าเมื่อห้าแสนปีที่แล้วมนุษย์สามารถส่งสัญญาณท่าทางสื่อสารระหว่างกันและพัฒนามาเป็นภาษา มนุษย์สามารถสร้างตัวหนังสือ และจารึกไว้ตามผนึกถ้ำ เมื่อประมาณ 5000 ปีที่แล้ว กล่าวได้ว่ามนุษย์ต้องใช้เวลานานพอสมควรในการพัฒนาตัวหนังสือที่ใช้แทนภาษาพูด และจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์พบว่า มนุษย์สามารถจัดพิมพ์หนังสือได้เมื่อประมาณ 5000 ปีที่แล้ว กล่าวได้ว่าฐานทางประวัติศาสตร์พบว่า มนุษย์สามารถจัดพิมพ์หนังสือได้เมื่อประมาณ 500 ถึง 800 ปีที่แล้ว เทคโนโลยีเริ่มเข้ามาช่วยในการพิมพ์ ทำให้การสื่อสารด้วยข้อความและภาษาเพิ่มขึ้นมาก เทคโนโลยีพัฒนามาจนถึงการสื่อสารกัน โดยส่งข้อความเป็นเสียงทางสายโทรศัพท์ได้ประมาณร้อยกว่าปีที่แล้ว และเมื่อประมาณห้าสิบปีที่แล้ว ก็มีการส่งภาพโทรทัศน์และคอมพิวเตอร์ทำให้มีการใช้สารสนเทศในรูปแบบข่าวสารมากขึ้น ในปัจจุบันมีสถานที่วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ แ ละสื่อต่าง ๆ ที่ใช้ในการกระจ่ายข่าวสาร มีการแพร่ภาพทางโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเพื่อรายงานเหตุการณ์สด เห็นได้ชัดว่าเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทอย่างมาก บทบาทของการพัฒนาเทคโนโลยีรวดเร็วขึ้นเมื่อมีการพัฒนาอุปกรณ์ทางด้านคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ จะเห็นได้ว่าในช่วงสี่ห้าปีที่ผ่านมาจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งมีคอมพิวเตอร์เข้าไปเกี่ยวข้องให้เห็นอยู่ตลอดเวลา
เช้าวันหยุดอย่างนี้ มาเริ่มต้นด้วยแก็ดเจ็ต (Gadget) ที่นับวันจะมีการพัฒนาด้วยการเพิ่มเติมเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าไปมากมาย แม้กระทั่งผู้ผลิตนาฬิกาข้อมือไซโก้ (Seiko) ที่เรารู้จักกันดี ซึ่งก่อนหน้านี้ทางบริษัทได้ออกนาฬิกาข้อมือที่ใช้เทคโนโลยีอีอิงค์ (e-ink) ให้ได้ตื่นเต้นกันไปแล้ว ล่าสุดทางบริษัทได้นำนาฬิกาข้อมืออีอิงค์รุ่นใหม่กลับมาอีกครั้งด้วยคุณสมบัติที่ไฮโซกว่าเดิม
จากที่เคยทำเล่นๆ เพื่อให้เห็นว่า ไซโก้เป็นผู้นำบริษัทผู้ผลิตนาฬิกาข้อมือที่มีนวตกรรมทางด้านเทคโนโลยีด้วยการออกนาฬิกาข้อมืออีอิงค์เรือนแรกเมื่อหลายปีก่อน จะด้วยดีไซน์ที่ล้ำเกินไป หรือความไม่พร้อมในเทคโนโลยี ผนวกกับราคาที่ค่อนข้างแพง มันก็เลยไม่ได้รับความนิยมไปโดยปริยาย ดังนั้นทีมพัฒนานาฬิกาข้อมือไซโก้จึงคิดปรับแผนใหม่ เพื่อให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากขึ้น ก่อนที่จะนำมันออกมาเผยโฉมอวดชาวโลกอีกครั้ง
สำหรับชื่อของนาฬิกาข้อมืออีอิงค์รุ่นใหม่นี้ทางไซโก้เรียกว่า "Future Now" นาฬิกาข้อมือ EPD ที่เปลี่ยนใหม่หมด ตั้งแต่หน้าจอ E-ink ที่เป็น Active Matrix ทำให้สามารถมองเห็นได้ 180 องศา ซึ่งเทียบเท่ากับจอ LCD ทั่วไป โดยนาฬิกาข้อมืออีอิงค์ที่ดำทั้งตัวเรือนในรูปข้างบนนี้เปิดตัวในงาน Basel World 2010 ด้วยความละเอียดของหน้าจอ 80,000 พิกเซล ซึ่งแต่ละพิกเซลสามารถแสดงผลสีเทาได้ 4 ระดับ (gray scale) ทางไซโก้คุยว่า มันเป็นนาฬิกาอีอิงค์ทีได้รับการพัฒนาให้ใช้พลังงานแบตฯลดลงกว่าเดิมหลายเท่า แต่ก็ยังไม่ได้เปิดเผยว่า นานแค่ไหนก่อนที่จะต้องชาร์จแบตฯ
PGM-FI เทคโนโลยีหัวฉีดยุคใหม่ล่าสุดของฮอนด้า คือพัฒนาการด้านเทคโนโลยีที่มีศักยภาพสูงสุด ที่พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ให้รถจักรยานยนต์ฮอนด้ารุ่นต่อ ๆ ไป
PGM-FI รุ่นล่าสุดในเครื่องยนต์ 4 จังหวะ 110 ซีซี. จะช่วยเพิ่มสมรรถนะให้เครื่องยนต์สูงขึ้นถึง 20%* ประหยัดเชื้อเพลิงได้มากกว่าเดิม 15%*และยังให้ค่าไอเสียที่ต่ำกว่ามาตรฐานไอเสียถึง 80 % ด้วยสุดยอดเทคโนโลยีที่มีต้นแบบจากรถแข่งในสนามระดับโลก ควบคุมการทำงานโดยหน่วยประมวลผลอัจฉริยะ ECU ( Engine Control Unit ) และเชนเซอร์ทั้ง 5 จุดเพื่อช่วยคำนวณการจ่ายน้ำมันได้อย่างแม่นยำและเทคโนโลยีล่าสุด O2 เซนเซอร์ ที่ออกแบบใหม่เพื่อเตรวจวัดค่าออกซิเจนช่วยให้ไอเสียสะอาดยิ่งขึ้น รวมถึงการปรับโครงสร้างของเครื่องยนต์ ช่วยลดการเสียดสีภายในเครื่องยนต์ลง 14 % เพื่อให้การทำงานของเครื่องยนต์มีประสิทธิ์ภาพสูงสุด
PGM-FI เทคโนโลยีหัวฉีดยุคใหม่ล่าสุด จึงเป็นเทคโนโลยียานยนต์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด ที่สามารถตอบสนองทุกความต้องการของทั้งคนและสิ่งแวดล้อม เพื่อโลกที่เรารักใบนี้
*เปรียบเทียบระหว่างเครื่องยนต์ 110 ซีซี ระบบหัวฉีด PGM-FI ยุคใหม่ กับเครื่องยนต์ ฮอนด้าเวฟ 100
กระแสไฮบริดหยุดยั้งไม่อยู่เสียแล้วใครที่ยังไม่ทำหรือไม่ริเริ่มอาจจะต้องเขี่ยจากสารบัญยานยนต์โลกก็เป็นได้โทษฐานไม่รักโลกและทันความต้องการของลูกค้า แต่สำหรับผู้ผลิตรายเล็กไม่อาจทุ่มงบพัฒนาได้เต็มที่นักเพราะไม่เคยประสบการณ์หรืองบการเงินจำกัดอาจหาทางออกด้วยการยืมเทคโนโลยีจากผู้ผลิตรายใหญ่กว่า
อย่าแปลกใจที่ Mazda ต้องขอให้ Toyota ส่งชุดแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้าผนวกกับเครื่องยนต์สันดาปในของตนเองที่เตรียมจะเปิดตัวระหว่างปี 2010-2015
ปัจจัยเร่งทำให้ Mazda ตัดสินใจเปิดตัวรถ Hybrid ของตนเองเพราะรัฐบาลญี่ปุ่นลดภาษีรถยนต์ประหยัดพลังงาน,รถไฟฟ้าและรถไฮบริดอัตราที่น่าสนใจมาก อีกทั้งอดีตบริษัทแม่ Ford ลดสัดส่วนหุ้นลงกะทันหันทำให้ Mazda ไม่อาจพึ่งพาเทคโนโลยีไฮบริดได้มากนัก
การดีลกับ Toyota ไม่ใช่เรื่องเสียหายเลยเพราะยิ่งผลิตชุดไฮบริดเยอะต้นทุนก็ยิ่งต่ำลงกำไรก็เพิ่มมากขึ้นและหาก Mazda พร้อมเมื่อไรก็พัฒนาเทคโนโลยีไฮบริดเป็นของตนเองได้
เฉกเช่นเดียวกับ Nissan จำเป็นต้องยืมเทคโนโลยีไฮบริดจาก Toyota ติดตั้งในรุ่น Altima Hybrid เหตุผลสำคัญเพราะไม่ได้พัฒนาเทคโนโลยีนี้ในช่วงปลายยุค 90 เลยปล่อยให้คู่แข่งยักษ์ใหญ่ที่พร้อมทั้งเงินทุนและเทคโนโลยีนำหน้าไปก่อน
แต่ขณะนี้พวกเขาก็พร้อมจะนำเสนอเพื่อสิ่งแวดล้อมด้วยตนเองแบบไม่แคร์ใครประกาศตนเป็นผู้นำตลาดรถไฟฟ้าของโลกตั้งสถานีเติมพลังงานทั่วทุกหนแห่งเพื่อมุ่งยอดขายสูงสุดปีละม
สำนักข่าวนิกเกอิรายงานว่า Nissan เตรียมตัวจำหน่ายรถยนต์ไฮบริดที่พัฒนาด้วยตนเองครั้งแรกด้วยรุ่น Fuga ขับเคลื่อนล้อหลังภายในปี 2010 และเริ่มขยายไป
ยานอวกาศ มี 2 ประเภทคือ ยานอวกาศที่มีมนุษย์ควบคุมและไม่มีมนุษย์ควบคุม
ยานอวกาศที่ไม่มีมนุษย์ควบคุม ส่วนใหญ่สำรวจ ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ดาวเคราะห์ และห้วงอวกาศ
ระหว่างดาวเคราะห์ จะขอกล่าวถึง โครงการที่สำรวจดวงจันทร์คือ
1. โครงการเรนเจอร์ ออกแบบให้ยานพุ่งชนดวงจันทร์
2. โครงการลูน่าออบิเตอร์ กำหนดให้ยานไปวนถ่ายภาพรอบดวงจันทร์
3. โครงการเซอเวเยอร์ ออกแบบให้ยานจอดลงบนพื้นอย่างนุ่มนวล
ยานอวกาศมีมนุษย์ควบคุม เป็นของสหรัฐอเมริกา มีโครงการต่างๆ ดังนี้
1. โครงการเมอคิวรี่ มีจุดประสงค์ที่จะส่งมนุษย์ขึ้นไปโคจรในอวกาศ สำหรับให้มนุษย์อวกาศขึ้นไปครั้งละ 1 คน
โครงการได้ยุติลงไปแล้วในปัจจุบัน
2. โครงการเจมินี มีจุดประสงค์คือ นำมนุษย์ 2 คนขึ้นไปดำรงชีพในอวกาศให้นานที่สุด ฝึกการเชื่อต่อกับยานลำอื่น
ปรับปรุงการนำยานลงสู่พื้นและหาผลกระทบที่เกิดจากสภาวะไร้น้ำหนัก โครงการนี้ได้ยุติลงแล้ว
3. โครงการอพอลโล มีจุดประสงค์คือ นำมนุษย์ไปสำรวจดวงจันทร์ ใช้มนุษย์อวกาศครั้งละ 3 คน เป็นโครงการ
ต่อจากเมอคิวรี่และเจมินี มนุษย์อวกาศชุดแรกที่หยุดบนพื้นดวงจันทร์เป็นชุดอวกาศที่เดินทางไปกับยานอพอลโล 11
โครงการอพอลโลเรียกว่าประสบความสำเร็จตามเป้าหมายมาตลอด มีเพียงอพอลโล 13 ลำเดียวที่เกิดอุบัติเหตุ
ขณะมุ่งหน้าสู่ดวงจันทร์ อพอลโล 17 ถือเป็นยานลำสุดท้ายที่เกิดในโครงการนี้
4. โครงการสกายแล็บ จุดประสงค์คือให้มนุษย์ขึ้นไปบนสถานีลอยฟ้าเพื่อค้นคว้าทดลองให้ได้นานที่สุด เป็นโครงการที่ศึกษาเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ การแพทย์ ฟิสิกส์ ผลกระทบของสภาพไร้แรงดึงดูด โครงการนี้มี 3 ชุด
5. โครงการอพอลโล - โซยูส มีจุดประสงค์คือ เพื่อขึ้นไป ทดสอบระบบนัดพบและเชื่อมยานอวกาศ เป็นโครงการ
ระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต
6. โครงการยานขนส่งอวกาศ เพื่อใช้เป็นพาหนะสำหรับบรรทุกสิ่งของและมนุษย์ที่ไปบนอวกาศ และเพื่อลดค่าใช้จ่าย ในการใช้ประโยชน์จากอวกาศ ถูกแบบสำหรับคนได้มากถึง 7 คน ในกรณีฉุกเฉินอาจเพิ่มได้เป็น 10 คน ปฏิบัติงานนานครั้งละ 7 วัน พร้อมที่จะใช้งานได้อีกภายใน 14 วัน ถ้าจำเป็นอาจโคจรอวกษสได้นานถึง 1 เดือน ยานลำแรกของ
โครงการชื่อ เอ็นเตอร์ไพรส์ ต่อจากนั้นแบ่งเป็นโคลัมเบีย 7 เที่ยว แชลเลเจอร์ 10 เที่ยว ดิสคัฟเวอรี่ 6 เที่ยว แอตแลนติส 6 เที่ยว